PRP
PRP คืออะไร
PRP ย่อมาจาก Platelet rich plasma หรือก็คือ พลาสมาที่อุดมไปด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้นโดยสกัดมาจากเลือดของคนไข้และผ่านกระบวนการคัดแยกโดยเฉพาะเพื่อให้ได้พลาสม่าเข้มข้นที่อุดมไปด้วยเกล็ดเลือดและโปรตีนที่ช่วยในการกระตุ้นฟื้นฟูซ่อมแซมเซลล์ผิวหนัง ช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจน ช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ลดการอักเสบ ลดรอยคล้ำดำ รอยแผลเป็นและรอยสิว ทำให้ผิวกลับมามีสุขภาพดี มีความยืดหยุ่นและดูอ่อนเยาว์ขึ้น และมาจากเลือดของคนไข้เองจึงปลอดภัย 100%
หากได้ค้นคว้าเอกสารการศึกษาและงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของ PRP จะพบว่าการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับ PRP ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมามุ่งเน้นประสิทธิภาพการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อเพื่อใช้ในการรักษาอาการอักเสบและบาดเจ็บของร่างกาย ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าเมื่อฉีด PRP (Platelet Rich Plasma) เข้าสู่เนื้อเยื่อแล้ว จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ เนื่องจาก PRP มี growth factor ซึ่งมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการทำงานของสเต็มเซลล์ในร่างกายออกมาทำการฟื้นฟูรักษาเนื้อเยื่อในจุดนั้นๆ
PRP รักษาอะไรได้บ้าง
PRP ได้ถูกนำมาใช้ในการรักษาคนไข้มายาวนานประมาณ 30 ปีแล้ว โดยเริ่มจากการรักษาด้านการผ่าตัดศัลยกรรมกระดูกมาก่อน แพทย์นิยมนำมารักษาอาการปวดจากโรคไขข้ออักเสบและช่วยกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่าง ๆ เช่น เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ กระดูกอ่อนผิวข้อ ซึ่งมักเป็นเนื้อเยื่อที่สามารถฟื้นฟูซ่อมแซมตัวเองได้ยากหรือมีความเสื่อมเข้ามาร่วมด้วย เช่น หมอนรองกระดูกเสื่อม
ด้วยคุณสมบัติที่ดีงามทั้งหมดของ PRP แพทย์สาขาศัลยกรรมพลาสติกและโรคผิวหนังจึงได้นำมาประยุกต์ใช้ PRP เพื่อรักษาคนไข้เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ลดการอักเสบ ลดรอยคล้ำดำ รอยแผลเป็นและรอยแผลเป็นจากสิว มีงานวิจัยเปรียบเทียบกับ tranexamic acid ถึงผลลัพธ์ว่าช่วยลดฝ้ากระรอยดำได้ด้วย
PRP มีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง
– ปรึกษาคุณหมอถึงรายละเอียดและความต้องการของคนไข้ก่อนทำ PRP
– เจาะเลือดจากคนไข้โดยปริมาณที่ใช้โดยเฉลี่ยประมาณ 15-20 cc
– นำเลือดที่ได้มาผ่านกระบวนการแยกเกล็ดเลือดโดยการปั่น centrifuge เพื่อให้เลือดแยกส่วนประกอบออกจากกัน
– คัดแยกส่วนพลาสมาที่มีเกล็ดเลือดอุดมสมบูรณ์เพื่อนำมาใช้ในการรักษา
– นำเกล็ดเลือดที่สมบูรณ์ ( PRP ) มาฉีดเข้าผิวหนังเพื่อฟื้นฟูและซ่อมแซมผิว
– ผลลัพธ์ของการรักษาขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานร่างกายของแต่ละบุคคล อายุ และการดูแลรักษาหลังรับบริการ
PRP เหมาะกับใครบ้าง
-คนไข้ที่มีปัญหาความยืดหยุ่นของผิวน้อย ผิวแห้งเหี่ยวย่นเนื่องจาก Collagen และ Elastin ลดลง
-ปัญหาใต้ตาคล้ำ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมากลึกแข็งเป็นร่องรอยย่นลึก
-ปัญหาเรื่องริ้วรอย ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้าในบริเวณหางตา หน้าผาก ลำคอ
-บริเวณที่มีแผลเป็น ไม่ว่าจะเป็นแบบนูนเเข็งหรือรอยหลุม
-ปัญหาผิวหน้าแห้งกร้านไม่มีน้ำมีนวล
PRP 19 เท่า หรือ PRP premium คืออะไร
PRP premium คือ PRP ที่ผ่านกระบวนการกระตุ้นเกล็ดเลือดและโปรตีนเข้มข้น ช่วยกระตุ้น Growth factor ที่ช่วยฟื้นฟูซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังและ ช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนสูงขึ้นมากที่สุดถึง 19 เท่าจาก PRP ปกติ ทำให้ประสิทธิภาพการรักษาเห็นผลเร็วมาก ผิวกลับมามีสุขภาพดี มีความยืดหยุ่นและดูอ่อนเยาว์ได้เร็วขึ้น ยิ่ง PRP 38 เท่าที่ผ่านการกระตุ้นแบบเฉพาะ (activator kit) จะยิ่งเห็นผลเร็วขึ้นไปอีก เหมาะมากๆสำหรับคนไข้ที่มีเวลาน้อย ไม่ต้องกระตุ้น PRP ซ้ำบ่อยครั้ง
PRP ไม่เหมาะกับใครบ้าง
– คนไข้ที่มีโรคเลือดต่างๆ เช่น โลหิตจางและโรคความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือดรุนแรง
– คนไข้ที่จำเป็นต้องรับประทานยาต้านเกล็ดเลือดหรือยาละลายลิ่มเลือดทุกวัน
– คนไข้ที่มีไข้สูงหรือมีภาวะติดเชื้อ
– ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย
– โรคผิวหนังบางประเภท
ก่อนทำ PRP เตรียมตัวอย่างไรบ้าง
– ควรนอนพักผ่อนอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
– ดื่มน้ำให้มากๆ ประมาณ 2 ลิตร
– ควรงดรับประทานยาและอาหารเสริมกลุ่มวิตามิน 1 สัปดาห์
– งดรับประทานยาละลายลิ่มเลือด ยาต้านอักเสบ ( NSIAD ) 1 สัปดาห์
– งดแอลกอฮอล์และบุหรี่อย่างน้อย 2-3 วัน
หลังทำ PRP ต้องดูแลอย่างไรบ้าง
– ควรนอนพักผ่อนอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
– รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง
– ดื่มน้ำให้มากๆ ประมาณ 2 ลิตรต่อวัน
– งดแอลกอฮอล์และบุหรี่อย่างน้อย 2-3 วัน
– ทำความสะอาดรูแผลจนปิดสนิทด้วยน้ำเกลือหรือแอลกอฮอล์
– สามารถประคบเย็นได้ 2-3 วันแรกแต่ไม่ควรกดแรงเกินไป
– งดรับประทานยาละลายลิ่มเลือด ยาต้านอักเสบ ( NSIAD ) ต่อไปอีก 2-3 วัน
จุดเด่นของการทำ PRP คือการนำเลือดของคนไข้มารักษาผิวของตัวเอง จึงมีความปลอดภัยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือแพ้ มีเพียงอาการบวมเล็กน้อยเท่านั้น