• หน้าแรก
  • เกี่ยวกับเรา
    • Privacy Policy
  • บริการ
    • รีวิว
    • ฉีดไขมันหน้า ( fat transfer )
    • PRP
    • PRP Premium
    • X-DNA
  • FAQ
  • ติดต่อเรา
Menu
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับเรา
    • Privacy Policy
  • บริการ
    • รีวิว
    • ฉีดไขมันหน้า ( fat transfer )
    • PRP
    • PRP Premium
    • X-DNA
  • FAQ
  • ติดต่อเรา

hematoma ภาวะเลือดคั่งใต้ผิวหนังคืออะไร ???

hematoma ภาวะเลือดคั่งใต้ผิวหนังคืออะไร ???

อาการห้อเลือดหรือภาวะเลือดคั่งใต้ผิวหนัง ต้องเจาะไหม ??? อาการห้อเลือดหรือภาวะเลือดคั่งใต้ผิวหนัง รักษาอย่างไร??
hematoma

ภาวะเลือดคั่ง – อาการช้ำใต้ผิวหนัง – ห้อเลือด (Hematoma) ทั้งหมดนี้คือ เลือดที่ไหลออกมาภายนอกหลอดเลือดมากองรวมกัน พบได้บ่อยเวลาเกิดอุบัติเหตุกระทบกระแทกแล้วหน้าผากโนบวมปูดเป็นก้อนหรือฟกช้ำดำเขียวตามเนื้อตามตัว

ภาวะเลือดคั่งมีหลายประเภทแบ่งตามบริเวณที่เกิด แต่ในบทความนี้จะขอเน้นเฉพาะ Subcutaneous Hematoma (อาการเลือดคั่งใต้ผิวหนัง) ซึ่งพบได้บ่อยหลังเกิดอุบัติเหตุและหลังจากการทำศัลยกรรม เช่น เสริมจมูก ทำตา 2 ชั้น ผ่าตัดดึงหน้า V line ฉีดไขมันหน้า หรือแม้แต่การร้อยไหม Filler Botox ต่างก็เป็นหัตถการที่ล้วนมีโอกาสเกิด Subcutaneous Hematoma ได้ทั้งสิ้น

 

เลือดคั่งใต้ผิวหนังหลังทำศัลยกรรม
ตัวอย่างภาพเลือดคั่งใต้ผิวหนังหลังทำศัลยกรรม

 

เลือดคั่งใต้ผิวหนังมีลักษณะอย่างไร ??
ตัว hematoma อาจเป็นแค่จุดเล็กๆ หรือใหญ่จนบวมเป่งก็ได้ เมื่อเวลาผ่านไปจะค่อยๆหายไปเองตามธรรมชาติ แต่เลือดที่ไหลออกมาอยู่ในบริเวณที่ไม่ควรอยู่นั้นสามารถรบกวนและเกิดการอักเสบปวดบวมของเนื้อเยื่อรอบๆ จนแผลหายช้าและติดเชื้อได้หากไม่ดูแลให้ถูกวิธี

 

ภาวะเลือดคั่งจะหายไปเมื่อใด ???

– หลังจากมีอาการ 2-3 วัน จากเลือดคั่งสีแดงจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ

– หลังจากมีอาการ 5-10 วัน สีจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเขียวจากการสลายของฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ในเม็ดเลือดแดง

– หลังจากมีอาการ 10-14 วัน เศษซากของเม็ดเลือดจากถูกเก็บกวาดโดยกระบวนการฟื้นฟูตนเองของร่างกาย

ดังนั้น โดยเฉลี่ยแล้ว Subcutaneous Hematoma จะหายไปในช่วงประมาณ 14 วัน แต่ในบางรายที่มีเลือดซึมกะปริบกะปรอยอยู่ภายในทำให้อาการคั่งนานกว่านี้ได้จนถึง 3 สัปดาห์หรือ 3 เดือนก็เป็นได้

 

เลือดคั่งใต้ผิวหนัง รักษาอย่างไร ??

hematoma

ในช่วงแรกควรปฏิบัติตามหลัก RICE โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 3 วันแรก สำคัญมาก !!!

1. Rest พักผ่อน ไม่ลุกเดินขึ้นๆลงๆ ไปไหนมาไหนเกินจำเป็น

2. Ice ประคบเย็นภายใน 48 ชั่วโมงแรกให้หลอดเลือดหดตัว เลือดออกน้อยลง

3. Compress กดเพื่อไม่ให้เลือดไหลออกจากแผลนั้นคล้ายกับการประคบเย็น คือ กดลงน้ำหนักพอสมควร ไม่กดแรงนานเกินไปจนเนื้อเยื่อขาดเลือดไปเลี้ยง

4. Elevate ยกบริเวณที่มี เลือดคั่งให้สูงกว่าระดับหัวใจ (คนไข้หลังทำศัลยกรรมใหม่ๆ บริเวณใบหน้าจึงควรประคบเย็นและนอนหัวสูง)  

  !!! แต่ !!! บางหัตถการในบางบริเวณที่ต้องการการดูแลอย่างละเอียดอ่อน แพทย์อาจไม่แนะนำให้กดประคบเย็นเพราะอาจทำให้เสี่ยงต่อภาวะแผลติดเชื้อหรือแผลปริฉีกขาดได้

hematoma

เลือดคั่งใต้ผิวหนัง ต้องเจาะมั้ย??ภาวะเลือดคั่งใต้ผิวหนัง ควรเจาะเมื่อไหร่??

  ตามกลไกฟื้นตัวของร่างกายช่วงที่บวมที่สุด 3-4 วันแรกปากแผลยังปิดไม่สนิท อาจมีเลือดหรือน้ำเหลืองไหลซึมขับออกมาทางปากแผลได้บ้างถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติให้ทำความสะอาดแผลต่อเนื่องทุกวัน ปากแผลจะปิดสนิทได้เอง

  ยกเว้นแต่ในกรณีที่หลอดเลือดขนาดใหญ่ฉีกขาดมีเลือดไหลออกมากจนผิดปกติหรือเลือดไหลซึมต่อเนื่องเกินกว่า 7 วัน แบบนี้ผิดปกติ ควรรีบแจ้งแพทย์ทันที !!!

  บางกรณีที่มีอาการบวมคั่งมากๆ แพทย์อาจพิจารณาเจาะดูดระบายเลือดหรือน้ำเหลืองออกเพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ แต่จะพิจารณาเฉพาะในบางรายที่บวมมากผิดปกติหรือบวมจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันเท่านั้น เนื่องจากรูแผลที่เจาะเข้าไปก็อาจเป็นช่องทางให้เชื้อแบคทีเรียลามเข้าไปได้เช่นกัน

hematoma

หากเจาะระบายออกแล้วพบเป็นน้ำสีเหลืองใสไม่ใช่เลือดจะเรียกว่า Seroma (น้ำเหลืองคั่ง) ซึ่งการเฝ้าระวังและดูแลรักษาไม่แตกต่างจากภาวะเลือดคั่ง

ในกรณีที่ Hematoma เกิดขึ้นมานานหลายวันเลือดเริ่มแข็งตัวแล้วไม่สามารถเจาะระบายได้ การประคบอุ่นก็เป็นการรักษาอีกทางเลือกที่ดี อุณหภูมิที่เหมาะสมในการประคบอุ่นไม่ควรเกิน 45 องศาเซลเซียส ประคบครั้งละ 15-20 นาที วันละ 2-3 ครั้ง

 

ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ

ในคนไข้ที่เกล็ดเลือดต่ำ(Thrombocytopenia) มีประวัติอุดตันของลิ่มเลือดที่ขา (DVT) เส้นเลือดโป่งพองผิดปกติ (Aneurysm) เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือด หรือคนไข้ที่ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป มีโอกาสเสี่ยงต่อภาวะเลือดคั่งได้มากกว่าคนอื่นๆ

บทสรุปและข้อควรระวังในภาวะเลือดคั่งใต้ผิวหนัง !!!

สรุปแล้วโดยธรรมชาติของ ภาวะเลือดคั่งในระยะสั้นๆ แล้วมักไม่มีพิษภัยอะไร และจะหายไปเองในระยะเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ บางรายที่มีภาวะร่างกายเขียวฟกช้ำได้ง่ายและนานกว่าคนอื่นอาจใช้เวลาฟื้นตัวช้าได้นานถึง 2-3 เดือน

แต่!! หากมีอาการนานกว่านั้นแล้วปล่อยไว้ไม่พบแพทย์เพื่อรักษา เลือดเก่าที่คั่งสะสมอยู่เป็นเวลานานจะขัดขวางการไหลเวียนของเลือด ทำให้ไม่มีเลือดไปเลี้ยงบริเวณนั้นได้อย่างเพียงพอและเสี่ยงต่อการสะสมของแบคทีเรียจนเกิดการติดเชื้อลุกลามตามมาได้

ดังนั้น ควรดูแลรักษาป้องกันไว้ให้ดีอย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะ 7 วันหลังเกิดบาดแผล ถ้าไม่อยากให้ฝันที่อยากสวยกลายเป็นฝันร้าย

eptq

E.P.T.Q. ปลอมดูอย่างไร ??

12 ธ.ค. 2022
อ่านต่อ
Neuramis

filler Neuramis ก้านขุ่น กับ Neuramis ก้านใส ต่างกันอย่างไร ???

Diora clinic
/
04 พ.ย. 2022
อ่านต่อ

ฺBotox

Diora clinic
/
baby fat
/
03 ก.ค. 2022
อ่านต่อ

นอนกัดฟัน (Sleep Bruxism) รักษาอย่างไร ??

Diora clinic
/
02 ก.ค. 2022
อ่านต่อ
allergy

Skin allergy

Diora clinic
/
22 พ.ค. 2022
อ่านต่อ
ฉีดไขมันหน้า

คุณแม่สามารถเติมไขมันได้หรือไม่ ??

Diora clinic,ฉีดไขมันที่หน้า,ฉีดไขมันหน้า,ฉีดไขมันหน้าเด็ก
/
27 เม.ย. 2022
อ่านต่อ

สารบัญ ฉีดไขมันหน้า

  • การฉีดไขมันหน้าเหมาะกับใครบ้าง
  • ฉีดไขมันหน้าอยู่ได้นานไหม
  • ฉีดไขมันหน้าพังเพราะอะไร
  • ฉีดไขมันหน้ากี่วันหายบวม
  • ข้อเสียของการฉีดไขมันหน้า
  • ฉีดไขมันหน้าเจ็บไหม
  • ฉีดไขมันหน้าอันตรายหรือไม่ มีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง
  • ฉีดไขมัน เติมไขมัน วางไขมัน  ต่างกันอย่างไร
  • ฉีดไขมันที่ไทยกับเกาหลีเหมือนกันหรือไม่
  • ทำไมไขมันจากการดูดไขมันทิ้งเพื่อลดสัดส่วนถึงนำมาฉีดไขมันหน้าไม่ได้
  • ฉีดไขมันหน้านำไขมันมาจากไหน
  • ฉีดไขมันหน้าแบบไหนดี

บริการของเรา

ฉีดไขมันหน้า
ฉีดไขมันที่หน้า
ฉีดไขมันหน้า

ติดต่อเราได้ที่

diora clinic
diora clinic
diora clinic

ทำการจอง

Diora clinic

517/6-7 รามคำแหง 57-59 หัวหมาก บางกะปิ , กรุงเทพมหานคร 10240

โทร. 0640421788 , 0970589090

Email : dioraclinic@gmail.com

ที่จอดรถ , รองเท้าสะอาดภายในคลินิก ,ทำความสะอาดฆ่าเชื้อทุกชั่วโมง

เปิดบริการ วันพุธ-วันจันทร์ : 13:00 – 21:00 (หยุดทุกวันอังคาร)